บุคคลโต้ตอบกับโปรแกรมดังกล่าวโดยใช้คำสั่งเสียง ผู้ช่วยดิจิทัลช่วยให้ผู้ใช้สามารถสนทนาได้ คล้ายกับการสื่อสารกับบุคคลอื่น
พูดง่ายๆ ก็คือผู้ช่วยเสมือนได้รับการออกแบบมาเพื่อทำงานที่เฉพาะเจาะจง เช่น การจัดเวลาทำงาน จัดการบ้านอัจฉริยะ หรือทำให้กระบวนการทางธุรกิจง่ายๆ เป็นอัตโนมัติ
มาดูวิธีที่คุณสามารถใช้ผู้ช่วยเสมือนโดยใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเวลาทำงานและทำให้กระบวนการทางธุรกิจเป็นแบบอัตโนมัติ และยังหารือเกี่ยวกับวิธีการ เทคโนโลยีนี้จะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าธุรกิจของคุณโดยไม่คำนึงถึงอุตสาหกรรม
ความเป็นไปได้ของผู้ช่วยเสมือน
ผู้ช่วยเสมือนมักจะทำงานง่ายๆ ให้กับผู้ใช้ เช่น:
- การเพิ่มงานลงในปฏิทิน
- การให้ข้อมูลคล้ายกับเว็บเบราว์เซอร์
- ควบคุมและตรวจสอบสถานะของอุปกรณ์ในบ้านอัจฉริยะ รวมถึงไฟ กล้อง และตัวควบคุมอุณหภูมิ
- การโทรออก
- การวางแผนการประชุม กิจกรรม
- สร้างข้อความและอีเมลและส่งโดยอัตโนมัติ
- ค้นหาโรงแรมและร้านอาหาร
- การตรวจสอบการจองเที่ยวบินของคุณ
- สตรีมมิ่งพอดแคสต์
- ตั้งการแจ้งเตือน
- การจัดการเวิร์กโฟลว์ การแจ้งเตือน
- เรียกแท็กซี่
- เล่นเพลงตามต้องการ
- สั่งซื้อสินค้าเมื่อมีการร้องขอ
- คำตอบสำหรับคำถาม
- สามารถใช้เป็นผู้ให้บริการแชทและเสียงได้
ผู้ช่วยดิจิทัลและแชทบอท: อะไรคือความแตกต่าง?
แชทบอทและผู้ช่วยเสมือนสามารถใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั้งคู่ได้ แต่หลักการทำงานและฟังก์ชันการทำงานพื้นฐานจะแตกต่างกัน
Chatbots ทำงานตามสคริปต์ที่กำหนดเป็นหลัก พวกเขาใช้ชุดข้อมูลและอัลกอริธึมที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อจดจำคำค้นหาของผู้ใช้ที่เข้ามาและให้คำตอบที่เหมาะสม
ซึ่งหมายความว่าแชทบอตอาจถูกจำกัดความสามารถในการเข้าใจบริบทและดำเนินการสนทนาต่อไป โดยจำกัดเฉพาะสิ่งที่ได้รับการฝึกฝนมาก่อนหน้านี้เท่านั้น
ในทางกลับกัน ผู้ช่วยเสมือนมักใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ซับซ้อนกว่า เช่น การเรียนรู้ของเครื่องและการประมวลผลภาษาธรรมชาติ
พวกเขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมและคำขอของผู้ใช้ ดึงข้อมูลที่มีความหมายจากการสนทนา และดำเนินการที่เหมาะสมตามบริบทและประสบการณ์ก่อนหน้า และออนไลน์เพื่อค้นหาคำตอบสำหรับคำถาม และดำเนินการคำสั่งง่ายๆ เช่น การจองตั๋วเครื่องบิน หรือสั่งแท็กซี่
ผู้ช่วยเสมือนมีคุณสมบัติที่หลากหลายซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในชีวิตประจำวัน ธุรกิจ และการบริการลูกค้า
การประยุกต์ใช้ในธุรกิจ
มาดูตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของการใช้เทคโนโลยีนี้ในองค์กรกัน:
การบริการลูกค้า
ผู้ช่วยดิจิทัลสามารถให้การสนับสนุนออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันผ่านการแชทหรืออินเทอร์เฟซเสียง มักใช้เพื่อตอบคำถามของผู้ใช้ที่พบบ่อย แก้ไขปัญหา และนำลูกค้าไปยังแหล่งข้อมูลที่เหมาะสม
ลองนึกภาพว่าผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณสามารถสื่อสารกับหุ่นยนต์ที่แยกไม่ออกจากมนุษย์ ข้อมูลที่ได้รับจากผู้ช่วยดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ถูกดึงมาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ มากมายเพื่อให้คำตอบสำหรับคำถามที่ครอบคลุมที่สุด
ตัวอย่างเช่น ธนาคารใช้ผู้ช่วยเสมือนเพื่อดำเนินการคำขอยอดคงเหลือในบัญชีหรือการโอนเงิน
ระบบอัตโนมัติของการยอมรับคำสั่งซื้อและกระบวนการจอง
ผู้ช่วยเสมือนสามารถรวมเข้ากับเว็บไซต์ โปรแกรมส่งข้อความด่วน หรือแอปพลิเคชันเพื่อรับคำสั่งซื้อและจองได้
ตัวอย่างเช่น ร้านอาหารสามารถใช้ผู้ช่วยเสมือนในการสั่งอาหารหรือจองโต๊ะได้
การจัดการงานและกำหนดเวลา
ผู้ช่วยดิจิทัลสามารถใช้เพื่อจัดการงานส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และช่วยให้พนักงานจัดการเวลาทำงาน เช่น การตั้งการแจ้งเตือนสำหรับกิจกรรมสำคัญ การประชุม หรืองานต่างๆ
นอกจากนี้ยังสามารถปรับกำหนดการโดยอัตโนมัติตามการเปลี่ยนแปลงหรือการตั้งค่าของผู้ใช้
การทำให้กระบวนการจัดซื้อและการบัญชีสินค้าคงคลังเป็นอัตโนมัติ
ผู้ช่วยเสมือนสามารถทำให้กระบวนการจัดการสินค้าคงคลัง คาดการณ์ความต้องการสินค้า และสั่งซื้อกับซัพพลายเออร์เป็นไปโดยอัตโนมัติ
ผู้ค้าปลีกสามารถใช้ผู้ช่วยเสมือนเพื่อจัดการสินค้าคงคลังในคลังสินค้าและปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อ ลดต้นทุน และป้องกันการสูญเสียเนื่องจากการสต๊อกสินค้า
การตลาดและการขายส่วนบุคคล
การรวมแชทบอทอัจฉริยะเข้ากับอินเทอร์เฟซเว็บหรือแอปสามารถช่วยในการให้คำแนะนำและข้อเสนอเฉพาะตัวแก่ลูกค้าตามความชอบ ประวัติการซื้อ และพฤติกรรมของพวกเขา
ตัวอย่างเช่น ร้านค้าออนไลน์สามารถใช้ผู้ช่วยเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ที่อาจเป็นที่สนใจของผู้ซื้อรายใดรายหนึ่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มคอนเวอร์ชันและการตรวจสอบโดยเฉลี่ย
บทสรุป
ผู้ช่วยเสมือนกำลังกลายเป็นส่วนสำคัญของโลกสมัยใหม่มากขึ้น โดยช่วยให้ทั้งลูกค้า ผู้จัดการ และพนักงานขององค์กรสามารถรับมือกับงานที่คล้ายกันได้
การเปิดตัวผู้ช่วยเสมือนในกระบวนการทางธุรกิจสามารถปรับปรุงการบริการลูกค้าได้อย่างมาก เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการปฏิบัติงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในตลาด